ชวนคุยก่อนเกม: แมนเชสเตอร์ ดาบี้ ในนัดชิง ‘เอฟเอคัพ’
เข้าสู่เกมนัดสุดท้ายอย่างเป็นทางการของฟุตบอลอังกฤษ ด้วยเกมนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยรายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังเป็นครั้งแรกที่ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ต้องมาห้ำหั่นกันในรอบนี้อีกด้วย
13 โดยนับตั้งแต่นั้น พวกเขาคว้าถ้วยรางวัลมาประดับสโมสรได้เพียงแค่ 3 รายการเท่านั้น ซึ่งเป็นในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ได้แชมป์ เอฟเอคัพ เมื่อปี 2016 และ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ได้แชมป์ ลีกคัพ และ ยูโรป้าลีก เมื่อปี 2017
จนกระทั่งการมาของ เอริก เทน ฮาก ที่ทำให้พวกเขาได้มีความกระชุ่มกระชวย พาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศบอลถ้วยในประเทศได้ถึง 2 รายการตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมทีม ซึ่งก็ได้ถ้วย มิกกี้เม้าส์คัพ อุ้ย! ลีกคัพ ไปแล้ว 1 รายการ และก็เหลืออีก 1 รายการซึ่งก็คือในค่ำคืนนี้
ส่วนทางด้านของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองความยิ่งใหญ่มาตลอดในช่วงหลัง โดยเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ที่พวกเขากวาดมาได้ถึง 5 ครั้งใน 6 ปีหลังสุด ซึ่งทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังเหลือโปรแกรมให้ลงเล่นอีก 2 นัด ซึ่งก็คือเกมในวันนี้ และรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ในสัปดาห์หน้า
‘เรือใบสีฟ้า’ ต้องการที่คว้า 3 แชมป์ในรายการเมเจอร์มาให้ได้ในฤดูกาลนี้ เพราะเป็นปีที่พวกเขาใกล้เคียงที่สุดแล้วที่จะทำได้ และจะเป็นการขึ้นไปเทียบเคียงความยิ่งใหญ่ของ ‘ปีศาจแดง’ ที่เคยทำไว้เมื่อปี 1999
แต่ก่อนที่จะก้าวไปถึงขั้นนั้น พวกเขาก็ต้องผ่านด่านรอบชิง เอฟเอคัพ ไปให้ได้ซะก่อน ซึ่งก้างขวางคอของพวกเขาก็คือทีมที่ไม่ต้องการให้พวกเขาคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นเอง
ถ้าเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ดูทาง ซิตี้ จะเป็นต่ออยู่ค่อนข้างเยอะ ทั้งฟอร์มการเล่น ตัวผู้เล่น ประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์ ดูยังไงก็เหนือกว่าในทุกมุม แต่เชื่อว่าทางขุนพลและแฟนๆของ ‘เร้ด เดวิลส์’ ย่อมไม่อยากที่ให้ทีมไหนมีชื่อขึ้นมาว่าสามารถคว้า 3 แชมป์ได้เหมือนกับทีมของตัวเอง
มารอดูกันว่า ‘เรือใบ’ จะนับ 2 เพื่อก้าวไปนับ 3 ในสัปดาห์หน้า หรือว่าจะเป็นทาง ‘ผีแดง’ ที่จะนับ 2 กับการคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ให้กับตัวเองได้
เขียนโดย The Lite Team.